รหัสสินค้า | M3097 |
หมวดหมู่ | บอร์ดควบคุมทั่วไป (General control board) |
ราคา | 60.00 บาท |
น้ำหนัก | 50 กรัม |
สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
ลงสินค้า | 8 ก.พ. 2563 |
อัพเดทล่าสุด | 27 ส.ค. 2568 |
จำนวน | pcs |
The AC Dimmer is designed to control the alternating current voltage, which can transfer current up to 220V (5A~8A) (TRIAC BTA12 for 600V/8A but we don't recommend up power to this level). In most cases, Dimmer is used to turning power ON/OFF for lamps or heating elements, it can also be used in fans, pumps, air cleaners, e.t.c.
Lately, Dimmer has become an often used decision for the smart home systems. For example, when you need to smoothly change the light brightness. The lamp is slowly turning ON or OFF, creating a comfortable atmosphere. Dimmer works most effective with filament lamps. It’s less stable with low brightness LED lamps, but with moderate and high brightness it will perform a solid job. Note that luminescent lamps (gas discharge lamps) do not support dimming.
Power part of dimmer is isolated from the control part, to exclude the possibility of high current disruption to a microcontroller.
The logical level is tolerant to 5V and 3.3V, therefore it can be connected to the microcontroller with 5V and 3.3V level logic.
In Arduino, the dimmer is controlled with RBDdimmer.h library, which uses external interrupts and process time interrupts. It simplifies the code writing and gives more processing time for main code. Which is why you can control multiple Dimmers from one microcontroller.
You can download RBDDimmer.h library and a few examples in «Documents» or on GitHub. We are constantly updating our library, so we recommend to check for the website updates or subscribe to our newsletter.
Dimmer is connected to Arduino controllers via two digital pins. First (Zero) to control the passing of Phase Null of AC, which is used to initiate the interrupt signal. Second (DIM/PSM) to control (dim) current.
Note that Zero requires connection to designated microcontroller pins (which are different depending on the model of Uno, Nano, Leonardo, Mega), since it tied to microcontroller interrupts.
Dimming can be achieved by Pulse Skip Modulation:
Methods 1 and 2 are the easiest to execute with the help of a Dimmer and program code: in both cases, there is a need of circuit that detects the zero crossing and can control a TRIAC.
Power | up to 220V (5A~8A) |
AC frequency | 50/60 Hz |
TRIAC | BTA12 600B |
Isolation | Optocoupler (MOC302x) |
Logic level | 3.3V/5V |
Zero point | Logic level (use EL814) |
Modulation (DIM/PSM) | logic level ON/OFF TRIAC |
Signal current | >10mA |
Environment: |
|
ROHS3 | Compliant |
http://electronics.se-ed.com/contents/092s271/092s217_p06.asp
วงจรหรี่ไฟ เครื่องหรี่ไฟ
วงจรหรี่ไฟก็เป็นการใช้งานที่สำคัญอีกแบบหนึ่งของไตรแอก โดยอาศัยการกระตุ้นที่ตำแหน่งเฟสที่คงที่ของสัญญาณไฟสลับ ที่ให้เพื่อเป็นการควบคุมปริมาณกำลังไฟที่ป้อนให้แก่ โหลดที่เป็นหลอดไฟในวงจรประเภทนี้ จำเป็นต้องมีวงจรกรองความถี่แบบ LC เพื่อลดผลของ RFI ที่เกิดขึ้น
เทคนิคของการกระตุ้นที่ตำแหน่งเฟสคงที่นั้นที่นิยมใช้มีอยู่ 3 วิธีคือ การใช้ไดแอกร่วมกับวงจร RC, การใช้ UJT และการใช้ไอซีที่สร้างขึ้นเฉพาะในการกระตุ้นให้ไตรแอกทำงาน
รูปที่ 23 วงจรหรี่ไฟแบบพื้นฐาน
ในรูปที่ 23 แสดงถึงวงจรที่ใช้ไดแอกเป็นตัวสร้างสัญญาณกระตุ้นให้แก่ไตรแอก ผลที่เกิดขึ้นสำหรับวงจรนี้คือการควบคุมความสว่างของหลอดไฟจะไม่สมบูรณ์เนื่องฮิสเทอรีซิส หรือเรียกว่าแบคแลช (backlash) นั่นคือ ในขณะที่ทำการลดความสว่างของหลอดไฟจนกระทั่งดับ โดยการปรับค่า VR1 ให้สูงสุดนั้น ถ้าต้องการให้หลอดไฟเริ่มสว่างอีกครั้ง จะต้องปรับ VR1 ไปเป็นค่าประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของค่าสูงสุด ความสว่างที่ได้จะไม่ใช่ค่อย ๆ เริ่มสว่าง แต่จะสว่างขึ้นเล็กน้อยอย่างทันทีทันใด จึงเป็นการทำให้ควบคุมความสว่างได้ไม่ต่อเนื่องเท่าที่ควร ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากในขณะที่ไดแอกกระตุ้นไตรแอกนั้นจะเป็นการคายประจุของ C1 ออกไปด้วย
รูปที่ 24 วงจรหรี่ไฟที่ปรับปรุงให้สามารถควบคุมความสว่างได้สมบูรณ์
ผลของแบคแลชที่เกิดขึ้นนี้สามารถลดลงได้โดยต่อความต้านทานค่า 47 โอห์มอนุกรมเข้ากับไดแอก เพื่อลดผลของการคายประจุของ C1 แต่วิธีการที่ดีที่สุดที่นิยม ใช้กันได้แสดงไว้ใน รูปที่ 24 ในที่นี้ไดแอก จะถูกกระตุ้นจาก C2 แทน ซึ่งจะมีระดับแรงดันตกคร่อมเป็นไปตาม C1 แต่ C1 จะถูกลดผลของการคายประจุในขณะที่ไดแอกทำงานโดยความต้านทาน R2
รูปที่ 25 การใช้ UJT เป็นตัวกระตุ้นไตรแอกทำงานโดยไม่มีผลของแบคแลช
ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถตัดผลของแบคแลชได้สมบูรณ์คือการใช้ UJT ในการกระตุ้นให้ไตรแอกทำงาน ดังแสดงไว้ในรูปที่ 25 UJT (Q1) จะรับแรงดันขนาด 12 โวลต์ ที่สร้างขึ้นจากซีเนอร์ไดโอด D2 การทำงานของ UJT จะสัมพันธ์กับคาบของสัญญาณไฟสลับที่ให้โดยใช้วงจรตรวจจับจุดตัดศูนย์ที่ประกอบด้วย Q2, Q3 และ Q4 ทรานซิสเตอร์ Q4 จะทำหน้าที่จ่ายแรงดันให้แก่วงจรของ UJT ในทุก ๆ ครั้งที่สัญญาณไฟสลับผ่านจุดตัดศูนย์ส่วน UJT จะทำงานหลังจากช่วงเวลานั้นไปโดยสามารถกำหนดได้จากค่าของ R5, VR1 และ C2 UJT จะทำหน้าที่กระตุ้นให้ไตรแอกทำงานในทุก ๆ ครึ่งคาบเวลาของสัญญาณไฟสลับ ดังนั้นเราสามารถปรับความสว่างของหลอดไฟได้โดยการปรับค่า VR1 และจะไม่เกิดผลของแบคแลชขึ้น
รูปที่ 26 การใช้ไอซีเบอร์ S566B ในการควบคุมการทำงานของไตรแอกสำหรับวงจรหรี่ไฟ
รูปที่ 26 แสดงถึงการใช้ไอซีเบอร์ S566B ที่สร้างขึ้นพิเศษสำหรับเป็นตัวกระตุ้นไตรแอกในวงจรหรี่ไฟ ที่ควบคุมด้วยสวิตช์สัมผัส หรือสวิตช์กดหรือออปโต้ไอโซเลเตอร์ก็ได้ การรับอินพุตของ S566B นั้น เป็นลักษณะคล้ายระดับสัญญาณลอจิกที่ไปควบคุมการเพิ่มหรือลดความสว่างของหลอดไฟ นั่นคือถ้าแตะสวิตช์สัมผัสหรือกดสวิตช์ หรือให้สัญญาณควบคุม 5 โวลต์แก่ออปโต้ไอโซเลเตอร์นานเท่าใดความสว่างของหลอดไฟจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจาก 3 เปอร์เซ็นต์ ไปจนถึง 97 เปอร์เซ็นต์สูงสุด และจะเพิ่มขึ้นเช่นนี้เรื่อย ๆ ไป
สำหรับสวิตช์สัมผัสสามารถทำได้โดยใช้แผ่นโลหะตัวนำที่ต่อไว้ลอย ๆ โดยอนุกรมกับความต้านทาน R8 และ R9 ดังรูป
หน้าที่เข้าชม | 5,180,581 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,579,921 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 20 ต.ค. 2568 |